taen

taen

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553


ภาวะโลกร้อน หมายถึง การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ที่ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น เราจึงเรียกว่า ภาวะโลกร้อน (Global Warming) กิจกรรมของมนุษย์ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน คือ กิจกรรมที่ทำให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ การเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกโดยตรง เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง และ การเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกโดยทางอ้อม คือ การตัดไม้ทำลายป่าปรากฏการณ์เรือนกระจก หมายถึง การที่ชั้นบรรยากาศของโลกกระทำตัวเสมือนกระจกที่ยอมให้รังสีคลื่นสั้นจากดวงอาทิตย์ผ่านทะลุลงมายังผิวพื้นโลกได้ แต่จะดูดกลืนรังสีคลื่นยาวที่โลกคายออกไปไม่ให้หลุดออกนอกบรรยากาศ ทำให้โลกไม่เย็นจัดในเวลากลางคืน บรรยากาศเปรียบเสมือนผ้าห่มผืนใหญ่ที่คลุมโลกไว้ ก๊าซที่ยอมให้รังสีคลื่นสั้นจากดวงอาทิตย์ผ่านทะลุลงมาได้แต่ไม่ยอมให้รังสีคลื่นยาวที่โลกคายออกไปหลุดออกนอกบรรยากาศ เรียกว่า ก๊าซเรือนกระจก


  • การเรียน คือ พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตในการรับเอาประสบการณ์เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าวอาจเกิดจากการรับรู้ด้วยตนเอง เช่น การได้ดูรายการสารคดีทางโทรทัศน์ และเกิดจากการถ่ายทอดจากบุคคลอื่น เช่น การสั่งสอนของพ่อแม่ การอบรมจากครูอาจารย์ เป็นต้น ในทางการศึกษาแล้วจะเรียกผู้ที่ได้รับประสบการณ์ หรือการเรียนนี้ ว่า "ผู้เรียน" หรือ "นักเรียน" ดังนั้น การเรียน ในทางการศึกษาจึงหมายถึง พฤติกรรมของนักเรียนในการรับประสบการณ์ (ความรู้) จากผู้ผ่านประสบการณ์มาก่อน อาทิ ครู อาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ ฯลฯ ซึ่งเรียกว่า "ผู้สอน" เพื่อพัฒนาตนเองไปสู่เป้าหมาย ซึ่งในที่นี้อาจหมายรวมทั้งจุดประสงค์ในการเรียนรู้ของผู้สอนเอง และเป้าหมายเฉพาะของผู้เรียนเอง เช่น ต้องการความรู้เพื่อไปประกอบอาชีพในอนาคต เป็นต้น
ประวัติโดยย่อ
ถ้าให้พูดถึงทีมที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก รับรองเลยว่า สเปน แชมป์ยุโรปปัจจุบัน ต้องมีชื่ออยู่ 1 ใน 10 อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่ามองยังไง ทีมแดนกระทิงดุ ที่สามารถชนะรวดในรอบคัดเลือกทั้ง 10 นัดได้ โดยเฉพาะในนัดสุดท้ายที่ไม่ได้ส่งชุดใหญ่ลงเล่น แถมเป็นการบุกไปเยือนทีมรองจ่าฝูงอย่าง บอสเนียฯ ซึ่งส่งชุดใหญ่ลงเล่นกันถ้วนหน้า มุ่งหวังที่จะหยุดยั้งสถิติชนะรวดของสเปน เอาไว้ให้ได้ แต่ผลที่ออกมาคือ บอสเนียชุดใหญ่โดนกระทิงชุดไม่เต็มสูบถล่มแหลกไปถึง 5-2 ด้วยกัน จากจุดนี้ น่าจะพูดได้อย่างชัดเจนแล้วว่า สเปน เป็นอีกหนึ่งทีม ที่ก้าวขึ้นมาอยู่ระดับแนวหน้าของโลกแล้ว อย่างไม่ต้องสงสัย
"ลา โรฌา"(ฉายาภาษาสเปน แปลว่า The Reds - แดงพิฆาต)
สเปน เป็นบอลสไตล์เน้นบุกเข้าใส่ นั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่ผลงานในรอบคัดเลือก พวกเขาจะซัดกันไปทั้งหมด 28 ประตู รั้งอันดับสองของทีมที่ยิงได้มากที่สุด ในยุโรป(อันดับหนึ่งคือ อังกฤษ ยิงได้ 34 ลูก) และเสียไปทั้งสิน 5 ประตูเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นหลักฐานได้ดีว่าสเปนในช่วงกำลังพีค มีทักษะความสามารถที่ยอดเยี่ยมขนาดไหน มีทีมระดับโลกอยู่เพียงไม่กี่ทีมเท่านั้น ที่เชื่อในศักยภาพของลูกทีม และช่วยผลักดันให้ฉายพรรสวรรค์ในตัวของแต่ละคนออกมาได้เต็มที่ขนาดนี้ โดยไม่ละทิ้งแนวทางการเล่นต่อบอลสั้นๆ ที่ทีมถนัด
เส้นทางสู่บอลโลก
การคว้าแชมป์ยุโรป ปี 2008 มาได้ เป็นเครื่องหมายการันตีประสิทธิภาพและความน่ากลัวของสเปน ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ในช่วงเวลา 10 นัดที่เหลือหลังจากคว้าแชมป์ยุโรป จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ทีมกระทิงดุจะได้รับการจับตามองว่า น่าจะคว้าแชมป์กลุ่มไปได้อย่างลอยลำ ตั้งแต่ประเดิมด้วยการเอาชนะ บอสเนีย ทีมอันดับสอง ไปได้อย่างฉิวเฉียด 1-0 จากการทำประตูของศูนย์หน้าตัวเก่ง ดาบิด บีย่า หน้าเป้าสันโดษในนัดนั้น และหลังจากนั้นก็เก็บชัยชนะมาได้อีกอย่างต่อเนื่อง ทั้งการผ่าน อาร์เมเนีย และ เอสโตเนีย มาได้อย่างไม่ยากเย็น รวมถึงทีมเบลเยี่ยม กับทีมตุรกี มาจนกระทั่งนัดสุดท้าย ที่ส่งชุดเล็กลงปราบทีมบอสเนียถึงถิ่น เก็บชัยชนะอย่างขาวสะอาดไปทั้ง 10 และคว้าอันดับหนึ่งของกลุ่มไปบอลโลกรอบสุดท้าย อย่างปราศจากข้อสงสัย
ดาวดังประจำทีม สภาพทีมโดยรวมของทีมแดนกระทิงดุ ถือได้ว่ามีศักยภาพที่เพรียบพร้อมในทุกตำแหน่ง หรือเรียกอีกอย่างได้ว่าโดดเด่นไปเสียหมดทั้งทีม ไม่ว่าจะเป็นกัปตันทีม อิเกร์ กาซิยาส ผู้รับหน้าที่เฝ้าเสามือหนึ่งมาตั้งแต่ปี 1981 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก มีประสาทสัมผัสและปฏิกริยาตอบสนองยอดเยี่ยมเกินมนุษย์ โชว์ฟอร์มป้องกันลูกอันตรายๆ ได้อยู่เสมอ และยังมีนักเตะอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ มิดฟิลด์ผู้เป็นพลังขับเคลื่อนของทีม ผู้สามารถผ่านบอลงามๆ ได้ในทุกระยะห่าง รวมถึงการอ่านเกมที่เฉียบขาดและเป็นแรงผลักดันให้เกมรุกของทีมไหลลื่นได้ดี อีกทั้งยังมีสองตัวอันตรายในแดนหน้า ดาบิด บีย่า และผู้ได้รับฉายา"เอล นินโญ่" เฟร์นานโด ตอร์เรส ซึ่งทั้งคู่ครบเครื่องในด้านทักษะเด่นๆ ที่กองหน้าระดับโลกควรจะมี ทั้งความเร็ว ปฏิกริยาตอบสนอง และความคม ซึ่งหาผู้อื่นเทียบเคียงได้ยาก
ผู้จัดการทีม
โค้ชบิเซนเต้ เดล บอสเก้ ผู้เข้ามาสานต่อความสำเร็จต่อจาก หลุยส์ อาราโกเนส ผู้ทิ้งท้ายจากคุมทีมสเปนไว้ด้วยรางวัลถ้วยแชมป์ยุโรปปี 2008 ซึ่งยังคงยึดหลักการเดิมในการทำทีม นั่นคือ เน้นที่จะอำนวยความสะดวกให้นักเตะฉายพรสวรรค์บนพื้นสนามหญ้าให้เต็มที่ มากกว่าเน้นระบบทีมที่แข็งกร้าว นั่นจึงทำให้นักเตะหลายๆ รายของทีมสเปน ส่องประกายเจิดจ้าในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งยอดกุนซือวัย 59 ปีรายนี้ เริ่มคุมทัพมาตั้งแต่ทีม"ราชันชุดขาว" ชุดบี ที่อยู่ในเซกุนด้า ดิวิชั่นบี ตั้งแต่ปี 1985 จนกระทั่งปี 1994 เขาได้มีโอกาสเข้าร่วมอยู่ในชุดสต๊าฟของทีมชุดใหญ่ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 5 ปี ในปี 1999 จากการที่กุส ฮิดดิ้ง โดนเด้งออกจากเก้าอี้กุนซือ ทำให้ทางบอร์ดบริหารได้ตัดสินใจให้โอกาสเดล บอสเก้ ซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 44 ปี ขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ เป็นครั้งแรกของตัวเขาเอง ซึ่งผลงานในการคุมทีมชุดขาวของเขานั้นก็ถือว่าเข้าตากรรมการเป็นอย่างยิ่ง เขาพาทีมขึ้นสู่จุดสูงด้วยด้วยการกวาดแชมป์มาหลายรายการทั้งแชมป์ลาลีกา(2001, 2003) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (2000, 2002), สแปนิช ซูเปอร์ คัพ (2001), ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ (2002) และศึกชิงแชมป์สโมสรโลก โดยโตโยต้า (2002)
โค้ชสแปนิช ผู้เกิดที่เมืองซาลามันก้า สานต่อความสำเร็จของอาราโกเนส ด้วยบอลในสไตล์จังหวะเดียวเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์จุดเด่นของฟุตบอลประเทศสเปนไปเสียแล้ว ที่จะต้องใช้มิดฟิลด์ตัวกลั่นคุณภาพชั้นเยี่ยมในการขับเคลื่อนทีม ซึ่งผลงานที่ออกมานั้น ก็ล้วนเป็นการเก็บเกี่ยวชัยชนะมาได้อยู่เสมอๆ ยกเว้น ฝันร้ายครั้งใหญ่ เมื่อตอนศึกคอนเฟดฯ ที่คุมทีมพ่ายให้กับ อเมริกา ชนิดยิงไม่ได้สักประตู 0-2 ครั้งเดียวเท่านั้น
บอลโลกที่ผ่านมา
* สเปนผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 12 แล้ว ซึ่งถ้าสเปนเข้าร่วมการคัดเลือก ก็มักจะผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้เสมอ ยกเว้นปี 1974 ที่เยอรมนีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ไม่ผ่าน
* อันดับที่ดีที่สุดของ "ลา โรฌา" ที่เคยทำได้นั้น อยู่ในปี 1950 โดยจบทัวร์นาเม้นต์ในอันดับที่ 4 มีคะแนนเดียวจากการแข่งรอบสุดท้าย 3 นัด โดยเจอกับอุรุกวัย, บราซิล และ สวีเดน (สมัยนั้นมีทีมเข้าร่วมแค่ 16 ทีม รอบชิงชนะเลิศจึงต้องจัดแข่งเป็นลีก 4 ทีมสุดท้าย)
* ในจุดสูงของฟุตบอลระดับชาติ สเปนสามารถคว้าแชมป์ ได้ 2 แชมป์ด้วยกัน นั่นคือ บอลถ้วยยุโรป เมื่อปี 1964 และ 2008 ที่ผ่านมา
สถิติน่าสนใจ
- สเปน เก็บชัยชนะ 10 นัดรวด ในรอบแบ่งกลุ่มรอบสุดท้าย ศึกคัดบอลโลก
- "ลา ฟูเรีย โรฌา"(ฉายาเต็มๆ ของสเปน แปลว่า The fury reds มฤตยูแดงพิฆาต) เข้ารอบสุดท้ายในฐานะเป็นทีมโซนยุโรปที่ทำประตูได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากอังกฤษ โดยซัดไปทั้งหมด 28 ประตู
เขาพูดเอาไว้
"เรามีผู้เล่นชั้นดีอยู่เต็มทีม แม้กระทั่งตัวสำรอง แต่เราก็จะประมาทไม่ได้ เพราะเป้าหมายหลักของเราในตอนนี้คือการคว้าแชมป์โลก ซึ่งเราทราบกันดีว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีทีมที่แข็งแกร่ง อยู่อีกมากมาย พวกเราอาจจะไม่ใช่ทีมที่น่าขับตามองนัก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราหมดหวังในการคว้าแชมป์ซะหน่อย" ยอดโค้ช
บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กล่าวทิ้งท้าย

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553



ไม่บอกก็รู้ว่าทีมแซมบ้-บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย ลงเล่นฟุตบอลโลกทุกครั้งโดยมีเป้าหมายคว้าแชมป์อีกสมัย อยากจะได้ดาวอีก 1 ดวงติดที่หน้าอกเสื้อ คนเป็นกุนซืออย่างดุงก้า ที่เล่นฟุตบอลโลกมา 3 ครั้ง ก็รู้แก่ใจเช่นกันว่า อะไรที่ไม่ใช่แชมป์จะถือว่าล้มเหลว
เส้นทางสู่แอฟริกาใต้ความโกรธ และผิดหวังของแฟนๆ อันเป็นปฏิกิริยา ที่มีต่อผลการแข่งขัน และฟอร์มของทีม ช่วงแรก เผยให้เห็นว่าแฟนแซมบ้า ตั้งความหวังไว้สูงแค่ไหน ทั้งที่จบรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ทำสถิติชนะ 9 เสมอ 7 และแพ้ 2 และได้สิทธิ์เล่นรอบสุดท้ายโดยไม่ต้องลุ้น 3 เกมสุดท้าย แคมป์เขียวทองยังถูกประณามสาปส่ง หลังจากที่เสมอ 0-0 สามนัดติดในบ้าน ที่ทีมเจออาร์เจนติน่า, โบลิเวีย และโคลอมเบีย อย่างไรก็ตามทีมของดุงก้า มาติดเครื่องระเบิดฟอร์มร้อนตั้งแต่เมษายน 2009 ทำผลงานชนะ 5 เมรวด รวมการบุกไปกดอุรุกวัย 4-0 ที่มอนเตวิเดโอ และบุกไปชนะอาร์เจนติน่า 3-1 ที่โรซาริโอ และชัยชนะเหนือ "ฟ้าขาว" นี่เองทำให้บราซิล การันตีที่ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
ดาวเด่นยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ที่จะให้คัดนักเตะเก่งๆ 2-3 ตัวในทีมบราซิลที่ฝีเท้าเทพๆ ทั้งนั้น อย่างไรก็ตามตลอดปี 2009 นักเตะที่ฟอร์มดี และเป็นแกนหลักของทีมก็คือ ชูลิโอ เซซาร์ ผู้รักษาประตูจอมเซฟ กาก้า ที่ฟอร์มเฉียบในศึกฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ และ หลุยส์ ฟาเบียโน่ ดาวยิงระดับเวิลด์ คลาส ที่ยิงคนเดียว 5 ประตู รวมสองประตูล้ำค่านัดชิงชนะเลิศรายการนี้ที่พบกับสหรัฐ
โค้ชก่อนจะรับจ๊อบคุมทีมชาติ คาร์ลอส กาเอตาโน่ เบลดอน เวอร์รี่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดุงก้า เคยเล่นให้ทีมชาติบราซิลทำศึกฟุตบอลโลกมาแล้ว รู้ดีว่าการทำงานกดดันเพียงใด หลังจากที่เป็นแพะรับบาป กรณีทีมกระเด็นตกรอบ 2 ฟุตบอลโลก 1990 ดุงก้า ที่เป็นกัปตันทีมอีก 4 ปี ต่อมา พาบราซิลคว้าแชมป์โลก ที่สหรัฐ อเมริกาเป็นเจ้าภาพ และถึงจะถูกตั้งคำถามความสามารถในการเป็นโค้ช ดุงก้า ตอบโต้ข้อสงสัยด้วยการพาทีม คานารินญ่า คว้าแชมป์โคปา อเมริกา 2007, ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2009 และเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 โดยไม่ต้องลุ้นเหงื่อตก 3 นัดสุดท้าย
สถิติ- บราซิล กำลังจะเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 19 ติดต่อกัน และก็เป็นทีมเดียวในจักรวาล ที่ร่วมมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทุกครั้ง
- บราซิล ยังเป็นประเทศเดียว ที่คว้าแชมป์โลก 5 สมัย สถิติจากการเล่นทั้งหมด 92 นัดคือ ชนะ 64 เสมอ 14 และแพ้ 11
- ช่วงระหว่าง 15 มิถุนายน 2008 ถึง 11 ตุลาคม 2009 ทีมเซเลเซา ไม่แพ้ใคร 19 นัด
วาทะเด็ด "บราซิลต้องรู้วิธีรับมือความคาดหวังจากการเป็นเต็งแชมป์ ต้องไม่ให้สิ่งนี้กดดันเรา เหมือนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นอันขาด" กาก้า กล่าวหลังจากที่ชนะ
อาร์เจนติน่า และได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย

แหล่งท่องเที่ยว



เมืองไทยของเรานั้นเป็นประเทศที่เหมาะสม กับการท่องเที่ยว และมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากขนบธรรมเนียมอันดีงาม ที่น่าประทับใจและรอยยิ้มอันสวยงามของคนไทยแล้วนั้น เรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางบกและทางน้ำ

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของแต่ละภาค เช่น

ภาคเหนือ : ถ้ากล่าวกันถึงจังหวัดเชียงใหม่เราต้อง นึกถึงดอยอินทนนท์ กันเป็นอันดับแรก ซึ่งนัก ท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ นิยมไปเที่ยวกันมาก เพราะเป็นเทือกเขาที่ มีความอุดมสมบูรณ์ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับดอกไม้เมืองหนาว ที่มีอยู่มากมาย และยิ่งไปกว่านั้น ดอยอินทนนท์ ยังเป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดของประเทศไทยด้วย

ภาคกลาง : สถานที่ท่องเที่ยว ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น วัดพระแ
ก้วหรือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ของเขตพระราชฐานชั้นนอก ติดกับสนามหลวง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร และ สวนสัตว์ดุสิต ซึ่งเป็นสวนสัตว์แห่งแรกของประเทศไทย ที่ตั้งอยู่กลางเมืองหลวง ถนนพระราม 5 แขวงจิตลดา เขตดุสิต
ภาคตะวันออก : สำหรับในภาคตะวันออก สถานที่ท่องเที่ยว ที่เป็นที่รู้จัก กันดีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ก็คือหาดพัทยา ซึ่งมีแหล่งบันเทิงเริงรมย์ มากมาย ถือได้ว่าเป็นแหล่งที่มีธุรกิจการบริการที่หนาแน่นแห่งหนึ่ง มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารเครื่องดื่ม นอกจากหาดพัทยาแล้วยังมี เกาะล้าน หาดจอมเทียน ที่เป็นหาดที่มีความเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน หรือการเล่นกีฬาทางน้ำ เช่น ขับเรือสกู๊ตเตอร์ เล่นกระดานโต้คลื่น เป็นต้น
ภาคใต้ : สำหรับภาคใต้แล้ว แหล่งท่องเที่ยว ที่เป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและ ชาวต่างชาติ ก็คงไม่พ้นเกาะสมุย และเกาะพะงัน ซึ่งในเกาะพะงันจะมีหาดริ้น จังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน Full Moon Party หรือรู้จักกันดีในชื่อคืนพระจันทร์เต็มดวง โดยจัดขึ้นในวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ ของทุกเดือน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : หรือภาคอีสาน แหล่งท่องเที่ยว ที่เป็นที่รู้จักกันดี สำหรับนักสำรวจธรรมชาติ ก็คงหนีไม่พ้น อุทยานแห่งชาติภูเรือ ที่จังหวัดเลย เนื่องจากอุทยานแห่งชาติภูเรือ ได้รับการยอมรับและ ถูกจัดให้เป็นสถานที่มีความหนาว ที่สุดของประเทศไทย "สุดยอดความหนาวในสยาม"